← กลับไปหน้าฐานข้อมูล

ฐานข้อมูลนำเสนอเบื้องต้น (Profile)

ฟื้นเลให้สมบูรณ์ด้วยเขตอนุรักษ์บ้านชายคลอง

ภาพประกอบ

เกี่ยวกับโครงการ

Highlight

  • บ้านชายคลอง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของปากน้ำคลองปากประซึ่งเป็นคลองสายหลัก 1 ใน 7 สายที่ไหลจากเทือกเขาบรรทัดสู่ทะเลสาบสงขลา มีจุดชมวิวที่โดดเด่นคือทะเลน้อยซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงในลำดับต้นๆ ของจังหวัดพัทลุง
  • ชาวประมงชายฝั่งในพื้นที่ประสบกับปัญหาด้านการลดลงของสัตว์น้ำ ทั้งชนิดและปริมาณ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการปนเปื้อนจากการใช้สารเคมีการเกษตร น้ำเสียจากชุมชนขนาดใหญ่จากฟาร์มปศุสัตว์
  • ชุมชนจึงส่งเสริมให้ชาวประมงพื้นบ้านจัดการทรัพยากรในพื้นที่ให้เป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาเขตอนุรักษ์เพื่อการดูแลทรัพยากรในพื้นที่ของตนเอง และจัดการผลผลิตสัตว์น้ำผ่านช่องทางที่มีคุณภาพ ปลอดภัย รวมถึงการจัดระบบการทำข้อมูลติดตามตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลง/ความสำเร็จจากการเพิ่มขึ้นหรือความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและการประมง
  • ผลจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา พบว่าปลาที่สูญพันธุ์จากพื้นที่มากกว่า 5 ปี จำนวน 3 ชนิดได้กลับมาในเขตอนุรักษ์ และมีประเภทสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 300 บาทต่อวันและใช้เวลาทำงานลดลง 2-4 ชั่วโมงต่อวัน

ข้อมูลพื้นฐาน

บ้านชายคลองปากประ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของปากน้ำคลองปากประซึ่งเป็นคลองสายหลัก 1 ใน 7 สายที่ไหลจากเทือกเขาบันทัดสู่ทะเลสาบสงขลา เป็นระบบนิเวศแบบสายคลองและทะเลสาบ ชุมชนบ้านชายคลองมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าพรุสลับกับบ้านเรือนยกสูง ชาวบ้านประกอบอาชีพประมง คิดเป็นร้อยละ 44 ของอาชีพในชุมชน โดยอาชีพประมงชายฝั่งมีความเชื่อมโยงกับการแปรรูปสัตว์น้ำและการท่องเที่ยว มีจุดชมวิวที่โดดเด่นคือ ยอยักษ์ ป่าลำพู แหล่งนาริมเล และทะเลน้อยซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงในลำดับต้นๆ ของจังหวัดพัทลุงซึ่งเป็นแหล่งที่มาของรายได้สำคัญของคนในชุมชน มีสัตว์น้ำที่จับได้ตลอดปี และจะมีมากเป็นพิเศษในช่วงน้ำหลาก (ตุลาคม-มกราคมของทุกปี) ได้แก่ กุ้งแม่น้ำ(กุ้งก้ามกราม/แม่กุ้ง) ปลาแหยง ปลาลูกเบร่ ปลาหัวโม่ง ปลานิล ปลามิหลัง ปลากด ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาหมอ ปลาลูกขาว ปลาสวาย ปลาบึก ปลากะพง ปลาลูกเบร่และปลาบึก ซึ่งเป็นปลาที่สามารถจับได้เฉพาะในแถบปากน้ำและในคลองปากประเท่านั้น ไม่พบในปากคลองอื่นที่ไหลลงทะเลสาบฯฝั่ งตะวันตก จึงนับได้ว่าพื้นที่นี้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนปากน้ำอื่นรอบทะเลสาบ สัตว์น้ำที่จับได้ส่วนใหญ่นอกเหนือจากการใช้บริโภคในครัวเรือนแล้ว ที่เหลือจะขายในชุมชนหรือขายส่งแก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือโรงแรม/รีสอร์ท ในพื้นที่เป็นเมนูอาหารประจำถิ่นที่เป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงของถิ่นนี้

ใส่ชื่อภาพ

ใส่ชื่อภาพ

ปัญหาที่เกิดขึ้น

ชาวประมงชายฝั่งในพื้นที่ประสบกับปัญหาด้านการลดลงของสัตว์น้ำ ทั้งชนิดและปริมาณ ซึ่งสัตว์น้ำบางชนิดที่กล่าวในข้างต้นลดลงมาจนอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวลตลอดระยะเวลาประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ชาวประมงในพื้นที่จึงต้องเพิ่มเครื่องมือ เวลาและระยะทางที่มากขึ้นในการจับสัตว์น้ำแต่ละวัน ซึ่งพบว่าปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำปนเปื้อนจากการใช้สารเคมีการเกษตร น้ำเสียจากชุมชนขนาดใหญ่จากฟาร์มปศุสัตว์ซึ่งปล่อยมาจากต้นน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองท่าและลงสู่ทะเลสาบฯ ส่งผลให้คุณภาพของน้ำเสื่อมโทรมไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของสัตว์น้ำ นอกจากนั้น การจับสัตว์น้ำขนาดเล็กและการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เช่นการจับปลาลูกเบร่ ที่ใช้ตาอวนขนาด 1.5 เซนติเมตร เป็นส่วนสำคัญที่เร่งให้สัตว์น้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัดตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2560

จากสถานการณ์ปัญหาดังกล่าวชุมชนมองว่า ทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เมื่อมีความต้องการใช้ทรัพยากรในจำนวนเพิ่มขึ้นในขณะที่ไม่มีการบริหารจัดการใดๆ ให้ทรัพยากรเหล่านั้นเพิ่มขึ้นก็จะทำให้ทรัพยากรเหล่านั้นลดลงไม่เพียงพอต่อความต้องการของชุมชน และขาดกลไกความร่วมมือระหว่างชุมชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการเขตพื้นที่คุ้มครองทะเลโดยชุมชน

พันธกิจ/วัตถุประสงค์ของโครงการ

รายละเอียดโครงการ

กิจกรรมที่เกิดขึ้น

ชุมชนร่วมออกแบบกับภาคีที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการพัฒนาเขตอนุรักษ์ของชุมชนประมงพื้นบ้านโดยส่งเสริมให้ชาวประมงพื้นบ้านจัดการทรัพยากรในพื้นที่ให้เป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาเขตอนุรักษ์เพื่อการดูแลทรัพยากรในพื้นที่ของตนเอง และจัดการผลผลิตสัตว์น้ำผ่านช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำทะเลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงการจัดระบบการทำข้อมูลติดตามตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลง/ความสำเร็จจากการเพิ่มขึ้นหรือความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและการประมง และผลประโยชน์ที่เกิดจากการต่อยอดของชุมชนในทางเศรษฐกิจสร้างรายได้ที่สอดคล้องกับตลาดปัจจุบันเพื่อสรุปบทเรียนและสื่อสารขยายผลต่อไป โดยมีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้

  1. จัดกระบวนการบ่มเพาะและออกแบบแนวทางบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล ผ่านการจัดกระบวนการกลุ่มในการทำความเข้าใจตัวโครงการและสร้างความเข้าใจร่วมกันเรื่องการบริหารจัดการเขตอนุรักษ์
  2. สนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยจะสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ เช่น จัดทำซั้งบ้านปลา ธนาคารปู ในพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ในการจัดการและดูแลทรัพยากรหน้าบ้าน
  3. ประเมินความเปลี่ยนแปลงทรัพยากรทางทะเล โดยจะร่วมกับที่ปรึกษาทางวิชาการทำการศึกษาตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรจากการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์

ในด้านความยั่งยืน เนื่องจากเป็นการขับเคลื่อนกิจกรรมที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ที่เป็นเจ้าของมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ในขณะเดียวกัน เป็นการดำเนินโครงการที่สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่มีความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของ และมีกลไกคณะทำงานในการขับเคลื่อนที่เป็นระบบพร้อมทีมในการบริหารจัดการตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่าย นอกจากนั้น ชุมชนมียุทธศาสตร์เป้าหมายที่ชัดเจนในการขยายผลการทำกิจกรรมให้เกิดเต็มพื้นที่ชุมชนที่ติดริมทะเลสาบ โดยมีพื้นที่ต้นแบบที่สามารถถ่ายทอดหรือเป็นแหล่งเรียนรู้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น ชุมชนช่องฟืน นอกจากนั้น ยังมีเครือข่ายชาวประมงรอบทะเลสาบทั้งที่จดทะเบียนองค์กรเป็นนิติบุคลหรือการรวมตัวเป็นชมรมฯ ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการฟื้นทะเลสาบให้เป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลที่พอเพียงและเกิดความมั่นคงทางด้านอาชีพประมง ด้วยการสร้างการยอมรับเชื่อมนโยบายสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดพัทลุง ที่ต้องการให้พัทลุงเป็นเมืองสีเขียว และคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ภาพประกอบ

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา โครงการฯ ได้สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับแกนนำ คนในชุมชนและภาคีความร่วมมือในระดับพื้นที่รู้และตระหนักความสำคัญของสถานการณ์ปัญหาทะเลสาบ ร่วมอนุรักษ์เลหน้าบ้านชายคลอง ผลลัพธ์ของการดำเนินกิจกรรม คนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจถึงปัญหาสถานการณ์ทะเลสาบ พร้อมร่วมอนุรักษ์เลหน้าบ้านชายคลอง จำนวนละ 90 ของคนในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง พร้อมเข้าร่วมการขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในส่วนของสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีความแปรรวนมากขึ้น ส่งผลกระทบสภาพแวดล้อมทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ หรือมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น และสถานการณ์แต่ละปีมีการทบทวนและชวนคิด วิเคราะห์หารแนวทางร่วมกันในการแก้ปัญหา การอนุรักษ์และฟื้นฟูหน้าบ้าน ควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายฝั่งและทะเลอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาคณะทำงานขับเคลื่อนการอนุรักษ์เลหน้าบ้าน ผลลัพธ์เกิดคณะทำงานจำนวน 20 คน ที่สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดแกนนำต้นแบบที่สามารถถ่ายทอดบทเรียนประสบการณ์การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรและการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีส่วนร่วมจำนวน 10 คน แนวทางยกระดับต่อพัฒนาศักยภาพแกนนำในร่วมเคลื่อนงานอนุรักษ์เชื่อมโยงสู่การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน เสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตผลิตและบริโภคอาหารปลอดภัย และสร้างคนตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของพื้นที่เขตอนุรักษ์ต่อยอดสู่การประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองทะเลโดยชุมชนแบบเข้มข้น และเกิดกลไกร่วมในการส่งเสริมการบริหารจัดการเขตพื้นที่คุ้มครองโดยชุมชน

ผลกระทบที่เกิดขึ้น

ผลจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา สามารถแบ่งผลลัพธ์เป็นด้านเขตอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวประมง ดังนี้

เขตอนุรักษ์

ภาพประกอบ

  • การดำเนินงานที่ผ่านมา โครงการฯ ได้พัฒนาให้เกิดเขตอนุรักษ์สัตว์น้ำชุมชนในพื้นที่ขนาด 191.4 ตารางกิโลเมตร โดยมีแผนที่จะขอการรับรองประกาศจากรัฐในรูปแบบของข้อบัญญัติท้องถิ่น หรือ ประกาศจังหวัดว่าด้วยพื้นที่คุ้มครองเขตทะเลโดนชุมชนในปี 2568 สำหรับการดำเนินงานในปัจจุบัน โครงการวางแผนที่จะขยายพื้นที่การดำเนินงานจากแนวเขตเดิม โดยจะจัดเวทีประชาคมกับชุมชนในเดือนมิถุนายน 2568

ทรัพยากรธรรมชาติ

  • ปลาที่สูญพันธุ์จากพื้นที่ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ปลาพรม(ไม่พบนานกว่า 40 ปี) ปลากระทิงผ้าร้าย (ไม่พบนานกว่า 10 ปี) ปลากดหัวกบ (ไม่พบนานกว่า 5 ปี)
  • ได้กลับมาพบในเขตอนุรักษ์

ภาพประกอบ

  • ชนิดสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมงในพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 36 ชนิด เป็น 40 ชนิด ในระยะเวลา 1 ปี

ข้อมูลชนิดพันธุ์สัตว์น้ำและเครื่องมือการจับสัตว์น้ำบริเวณพื้นที่บ้านชายคลองเปรียบเทียบก่อน -หลังการดำเนินงานโครงการฯ จากการทำกิจกรรมอนุรักษ์ฟื้นฟูภายใต้โครงการ ที่ชุมชนสามารถบอกเล่าและนำมาวางแผนงานในอนาคต เห็นความเปลี่ยนแปลี่ยงความสมบูรณ์ของทรัพยากร และเป็นแนวทางที่ชุมชนเลือกใช้ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมีสัตว์น้ำที่จับได้ตลอดปี และจะมีมากเป็นพิเศษในช่วงน้ำหลาก (ตุลาคม-มกราคมของทุกปี) ได้แก่ กุ้งแม่น้ำ(กุ้งก้ามกราม/แม่กุ้ง) ปลาแหยง ปลาลูกเบร่ ปลาหัวโม่ง ปลานิล ปลามิหลัง ปลากด ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาหมอ ปลาลูกขาว ปลาสวาย ปลาบึก ปลากะพง โดยเฉพาะปลาลูกเบร่

วิถีชีวิตชาวประมง

1.การบริโภคอาหารปลอดภัย เกิดการรณรงค์คนบริโภคอาหารปลอดภัย โดยชาวบ้านปรับเปลี่ยนบริโภคสัตว์น้ำ เช่น บริโภคปลาจากเดิม 4 มื้อ/สัปดาห์ เปลี่ยนเป็นบริโภคปลาเพิ่มขึ้นเป็น 14 มื้อต่อสัปดาห์ ที่หาเองหรือคนในชุมชนหามาเป็นอาหารทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ หรือปลาแช่แข็ง แต่มีการต่อยอดบางช่วงปลามาก ราคาถูกให้มีการแปรรูปเก็บไว้บริโภคได้นานขึ้น โดยเฉพาะในหน้ามรสุมสัตว์น้ำทะเลมีน้อย

2.รายได้จากการทำการประมง และเวลาที่ใช้ทำการประมงในพื้นที่

รายได้จากการทำการประมง (ก่อนทำโครงการ)

500 บาท / คน / วัน

เวลาในการทำการประมง (ก่อนทำโครงการ)

5 - 12 ชั่วโมง / วัน

รายได้จากการทำการประมง (หลังทำโครงการ)

800 บาท / คน / วัน

เวลาในการทำการประมง (หลังทำโครงการ)

3 - 8 ชั่วโมง / วัน

รายได้เพิ่มขึ้นจากการทำโครงการ

300 บาท/คน/วัน

เวลาในการทำงานลดลง

2 - 4 ชั่วโมงต่อวัน

ผู้สนับสนุนในอดีตจนถึงปัจจุบัน

  1. มหาวิทยาลัยทักษิณ
  2. องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง (อบจ.)
  3. รพสต
  4. สำนักงานประมงจังหวัดพัทลุง
  5. สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุง
  6. สำนักงานประมงจังหวัดพัทลุง
  7. สำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สงขลา

แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป/สิ่งที่ต้องการสนับสนุน

ในระยะ 3-5 ปี ชุมชนวางแผนในการ

  • ผลักดันพื้นที่ให้เป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลโดยชุมชน โดยจะขอการรับรองประกาศจากรัฐในรูปแบบของข้อบัญญัติท้องถิ่น หรือ ประกาศจังหวัดว่าด้วยพื้นที่คุ้มครองเขตทะเลโดนชุมชน
  • ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่
  • จัดการผลผลิต อาหารปลอดภัยภายใต้ Blue band เพื่อส่งออกและนำรายได้มาบริหารภายในชุมชนผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสัตว์น้ำที่จับมาได้
  • เป็นพื้นที่ต้นแบบในเรื่องการอนุรักษ์ฟื้นฟูโดยชุมชนมีส่วนร่วม ทำให้กิดกลไกของชุมชนในการจัดการทะเลร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง