กิจกรรมที่เกิดขึ้น
1. การจัดกระบวนการทำแผนภูมินิเวศ สิทธิ และเศรษฐกิจร่วมกับชุมชน
The Next Forest องค์กรซึ่งเป็นที่ปรึกษา ดำเนินการ รวมถึงวัดผลการปลูกและฟื้นฟูป่าด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มุ่งฟื้นฟูป่าอย่างยั่งยืน ได้หารือร่วมกับชุมชนในการทำแผนประเด็นเรื่องการจัดการไฟในพื้นที่ป่า และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่สอดคล้องกับแนวทางการอนุรักษ์ป่า เช่น การฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม การทำเกษตรแนวใหม่เพื่อลดการใช้พื้นที่ทำเกษตรเชิงเดี่ยว และการทำท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชนร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อพัฒนาพื้นที่สำหรับเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ The Next Forest ยังได้จัดทำแผนร่วมกับชุมชนในการฟื้นฟูภูมิทัศน์ป่าไม้ โดยในเบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ปลูกตามเขตแนวกันไฟบางช่วง ซึ่งคนในชุมชนต้องการให้มีการเข้าไปดูแลต้นไม้ที่ปลูกถือเป็นการดูแลป้องกันไฟไปพร้อมกัน ร่วมกับการคัดเลือกชนิดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่มีคุณสมบัติในการทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เป็นการสร้างแนวกันไฟธรรมชาติป้องกันป่าผืนใหญ่ที่ชุมชนช่วยกันดูแล
2. การรักษาพื้นที่ป่า
ชุมชนได้ร่วมกันทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟเข้าไปยังพื้นที่ป่าที่ชุมชนดูแล อีกทั้งยังมีแผนการลาดตระเวนยามไฟตลอดช่วงฤดูแล้ง (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม) ทั้งนี้เพื่อช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าและลดปัญหา PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยชุมชนได้ดำเนินการทำแนวกันไฟแล้วเสร็จในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 และเนื่องจากกระบวนการฟื้นฟูป่าโดยทั่วไปแล้วจำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก สำหรับบ้านแม่สาน้อยระยะนี้ ที่ต้องการการฟื้นฟูป่าอย่างเร่งด่วน ชุมชนจึงวางแผนฟื้นฟูแนวป่าสนเสื่อมโทรมซึ่งเกิดจากการไหม้จนเสื่อมโทรมแล้วด้วยการปลูกไม้ถิ่น เช่น ต้นกอ และต้นไม้ท้องถิ่นอื่นๆ บนแนวกันไฟเดิมของชุมชน เพื่อสร้างเป็นแนวกันไฟธรรมชาติและป้องกันไฟรุกลามเข้ามา
3. การพัฒนาเศรษฐกิจ
ชุมชนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้จากความพิเศษของชุมชนที่สามารถฟื้นฟูป่าหลายพันไร่ได้สำเร็จในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการเรียนรู้เรื่องธรรมชาติและการฟื้นฟูป่า ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักท่องเที่ยวทั่วไปที่มีความสนใจเรื่องธรรมชาติ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา หน่วยงาน และองค์กรที่สนใจเรื่องการฟื้นฟูป่าโดยเฉพาะ และได้ร่วมกับ Local Alike ธุรกิจเพื่อสังคมที่ส่องเสริมการทำท่องเที่ยวชุมชนมาช่วยในการวางแผนพัฒนาและการจัดการด้านการท่องเที่ยว รวมถึง The Next Forest ที่จะช่วยพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งชุมชนตั้งเป้าหมายที่จะแบ่งรายได้อย่างน้อย 10% ของยอดขายมาเข้ากองทุนจัดการไฟป่าและสิ่งแวดล้อมของชุมชน
ผลกระทบที่เกิดขึ้น (ด้าน ecological และสังคม)
จากการดำเนินโครงการ PES ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน BKIND ธนาคารกรุงเทพ ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ในการส่งเสริมกิจกรรมดูแลรักษาผืนป่าของคนในชุมชนบ้านแม่สาน้อย และได้มีการวัดผลกระทบทางด้านนิเวศที่เกิดขึ้นหรือการติดตามผลนิเวศบริการจากพื้นที่ป่าที่ชุมชนช่วยกันดูแลรักษา ซึ่งทำการวัดและประเมินผลโดยหน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีดังนี้
1) การปกคลุมของพื้นที่ป่า (Forest cover)
ในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าของชุมชนมีทั้งการจัดทำแนวกันไฟรอบพื้นที่ป่า การลาดตระเวนยามไฟเพื่อเฝ้าระวังการเกิดไฟในพื้นที่ป่า และการเตรียมการเพื่อดับไฟ โดยหลังจากสิ้นสุดฤดูแล้งที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟสูง (ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน) ได้มีการใช้โดรนในการติดตามผลการปกคลุมของพื้นที่ป่าและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถูกไฟลุกลาม พบว่ามีพื้นที่ป่าที่ถูกเผาไหม้เพียง 3 ไร่บริเวณรอบนอกของเขตแนวกันไฟใหญ่และชาวบ้านสามารถเข้าไปดับไฟได้ทันก่อนที่จะลุกลามเข้ามาภายในเขตแนวกันไฟใหญ่ ทำให้ชาวบ้านสามารถดูแลรักษาพื้นที่ป่าผืนใหญ่ภายในเขตแนวกันไฟ 2,640 ไร่ไว้ได้
2) การกักเก็บคาร์บอนของพื้นที่ป่า (Carbon accumulation)
ผืนป่ากว่า 2,640 ไร่ที่ชุมชนบ้านแม่สาน้อยช่วยกันดูแลรักษานั้น ส่วนใหญ่เป็นผืนป่าที่ได้รับการฟื้นฟูจากอดีตที่ถูกแผ้วถางเป็นเขาหัวโล้น ซึ่งหลังจากความพยายามในการฟื้นฟูระบบนิเวศและพื้นที่ป่าให้กลับคืนมาตลอดระยะเวลา 30 ปี ทำให้สามารถประเมินนิเวศบริการด้านการควบคุมสภาพภูมิอากาศจากความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนของพื้นที่ป่า โดยจากการวัดผลพบว่าป่าผืนนี้ช่วยกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้ได้มากถึง 19.05 – 24.72 ตันคาร์บอน/ไร่ (จากการวัดผลในแปลงป่าฟื้นฟูอายุ 12-24 ปี)
3) ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ของพืชและสัตว์ ความหลากหลายของพืช (Plant diversity)
จากการสำรวจข้อมูลชนิดพันธุ์ไม้ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ พบว่ามีความหลากหลายมากถึง 102 ชนิด ทั้งในพื้นที่ป่าธรรมชาติเดิมและป่าฟื้นฟู
ความหลากหลายของสัตว์ (Animal diversity)
มีการเก็บข้อมูลความหลากหลายของนก (จากการสำรวจโดยผู้เชี่ยวชาญ) และความหลากหลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (จากการใช้เทคโนโลยี camera trap) พบว่าในพื้นที่ป่ามีความหลากหลายของชนิดนกมากถึง 72 สายพันธุ์ และพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 10 ชนิด
ความสำเร็จที่ผ่านมา
ในอดีตพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกแผ้วถางเพื่อปลูกฝิ่น และทำไร่กะหล่ำปลีและมันสำปะหลังจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้น ต่อมาในปี 2543 ชุมชนได้ร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และหน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า (FORRU) สังกัดภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการฟื้นคืนผืนป่าโดยใช้เทคนิคการฟื้นฟูด้วยพรรณไม้โครงสร้าง (Framework Species Method) เพื่อเร่งการฟื้นตัวของระบบนิเวศป่าได้อย่างรวดเร็วและทำให้ได้พื้นที่ที่มีโครงสร้างหลากหลายใกล้เคียงกับป่าธรรมาชาติกลับมาและเกิดพื้นที่ป่าสมบูรณ์รอบหมู่บ้าน บ้านแม่สาน้อยจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการฟื้นฟูป่ากว่า 800 ไร่ จากภูเขาหัวโล้นจนกลายเป็นป่าสมบูรณ์ในปัจจุบันและเป็นพื้นที่ที่สนใจการดูแลป่าอย่างแท้จริง
ผู้สนับสนุนในอดีตจนถึงปัจจุบัน
กองทุนรวม BKIND ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด, บริษัท จึงพัฒนา โฮลดิ้ง จำกัด
แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป/สิ่งที่ต้องการสนับสนุน
1) การฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
เนื่องจากในปัจจุบันในเขตพื้นที่ป่าผืนใหญ่ที่ชุมชนร่วมกันดูแลนั้น ยังมีพื้นที่ที่เป็นป่าเสื่อมโทรมจากการถูกไฟลุกลามเข้ามาหลายครั้ง ทำให้พื้นที่มีไม้ยืนต้นขึ้นอยู่ประปรายและเต็มไปด้วยวัชพืชซึ่งเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่ดี ชุมชนจึงมีความต้องการที่จะฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมเหล่านี้ให้กลับมาเป็นป่าดิบเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีความชื้น และลดความเสี่ยงในการเกิดไฟในช่วงฤดูแล้ง
2) การสนับสนุนด้านการตลาดของผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน
ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการก่อตั้งวิสาหกิจการเกษตร รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจผลิตภัณฑ์จากผ้าใยกัญชง ซึ่งชุมชนต้องการการสนับสนุนด้านการตลาดเพื่อให้สามารถวางแผนการจัดการและจำหน่ายสินค้าที่ชุมชนผลิตขึ้นมาได้
3) การสร้างเสริมอาชีพให้คนรุ่นใหม่ในชุมชน
เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ทำกินของคนในชุมชนมีค่อนข้างจำกัดและไม่สามารถขยายพื้นที่ทำกินออกไปได้อีก ดังนั้นคนในชุมชนจึงต้องการการสนับสนุนด้านการสร้างเสริมอาชีพให้กับเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ที่หลังจากจบการศึกษาแล้วจะกลับมาอยู่อาศัยและประกอบอาชีพอยู่ในหมู่บ้านต่อไป