← กลับไปหน้าฐานข้อมูล

ฐานข้อมูลนำเสนอเบื้องต้น (Profile)

ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ อ.ภูเพียง จ.น่าน

ภาพประกอบ

เกี่ยวกับโครงการ

ข้อมูลพื้นฐาน

ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ ตั้งอยู่ในบ้านราษฎร์สามัคคี ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เป็นศูนย์กลางด้านการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างเกษตรกรและคนในชุมชน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เข้ามาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ผ่านกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะชีวิต ศูนย์การเรียนรู้ฯ แห่งนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตน่าน (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตะวันออก น่าน) โดยมีนายสำรวย ผัดผล เป็นประธานกลุ่มในระยะแรก ต่อมาได้มีการพัฒนาและขยายบทบาทจนจัดตั้งเป็น "ชมรมอนุรักษ์พรรณพืชพื้นบ้านจังหวัดน่าน" โดยมีเป้าหมายหลักเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์พืชพื้นบ้าน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและชุมชนอย่างเป็นระบบ

ปัญหาที่เกิดขึ้น

ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม อันเกิดจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะ - การพึ่งพาการปลูกพืชชนิดเดียว ทำให้ดินเสื่อม โทรมทรัพยากรธรรมชาติ และลดความหลากหลายทางชีวภาพ - เกษตรกรไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐาน เช่น เมล็ดพันธุ์และน้ำ -ความเหลื่อมล้ำในการถือครองหรือมีสิทธิในที่ดินทำกิน ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม

พันธกิจ/วัตถุประสงค์ของโครงการ

เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างเกษตรกรและคนในชุมชน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เข้ามาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ผ่านกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะชีวิต

รายละเอียดโครงการ

ภาพประกอบ

รูปภาพ : ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้

กิจกรรมที่เกิดขึ้น

การดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งด้านที่ดิน แหล่งน้ำ การเงิน รวมถึงการส่งเสริมกลุ่มเป้าหมาย การจัดอบรมและส่งเสริมความรู้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ครอบครัว และเยาวชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว โดยสามารถสรุปกิจกรรมหลักได้ดังนี้ 1. ด้านที่ดิน - การจัดระเบียบและบริหารจัดการแปลงเกษตรและพื้นที่ทำกินให้เหมาะสม - การดำเนินการขอขึ้นทะเบียนพื้นที่เขตป่าเพื่อนำมาบำรุงรักษาและพัฒนาเป็นป่าชุมชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 2. ด้านแหล่งน้ำ - การจัดตั้งและพัฒนาองค์กรผู้ใช้น้ำให้มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ - การพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำ รวมถึงการสร้างระบบกระจายน้ำเพื่อให้แหล่งน้ำเพียงพอสำหรับแปลงเกษตรของชุมชน 3. ด้านการเงิน การออม และสวัสดิการชุมชน - การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการลงทุน และการสร้างระบบสวัสดิการชุมชน เช่น การออมเพื่อช่วยเหลือสมาชิกในกรณีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ปัจจุบันมีสมาชิกในระบบถึงกว่า 1,200 ราย

ภาพประกอบ ภาพประกอบ

รูปภาพ : ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้

ผลกระทบที่เกิดขึ้น

1. การฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ - การขึ้นทะเบียนพื้นที่ป่าและจัดการให้เป็น “ป่าชุมชน” ส่งผลให้เกิดการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว ลดการบุกรุกพื้นที่ป่า และช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาว

2. การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน - การพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ทรัพยากรน้ำในชุมชนมีความมั่นคง ลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง และส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน

3. ลดการพึ่งพาทรัพยากรจากภายนอก - การใช้พื้นที่อย่างเหมาะสมในระบบเกษตรและการจัดการทรัพยากรภายในพื้นที่ ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม และลดการใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อดิน น้ำ และสิ่งมีชีวิต

4. เสริมสร้างความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน - การมีระบบออมทรัพย์และสวัสดิการชุมชนช่วยลดความเปราะบางทางเศรษฐกิจของครัวเรือน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย

5. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน - ชุมชนมีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาและจัดการทรัพยากรของตนเอง ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ และร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากร

6. สร้างการเรียนรู้ระหว่างรุ่น และลดช่องว่างทางวัย - การอบรมและถ่ายทอดความรู้ระหว่างผู้รู้กับเยาวชน ส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างความต่อเนื่องของวิถีชีวิตชุมชน

7. พัฒนาเครือข่ายและความเข้มแข็งของชุมชน - การจัดตั้งกลุ่มและองค์กรชุมชนในประเด็นต่างๆ ช่วยให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการตนเองได้ดีขึ้น และเชื่อมโยงกับภาคีภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพประกอบ

รูปภาพ : ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้

ความสำเร็จที่ผ่านมา

ในอดีต เกษตรกรเมืองจังต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเกษตร จากระบบเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวที่เน้นปลูกพืชชนิดเดียวในปริมาณมาก ภายใต้แนวคิด “ผลผลิตสูง ราคาดี” แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เกษตรกรต้องพึ่งพาสารเคมีเร่งผลผลิตมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนสูง รายได้ไม่พอใช้ จนต้องกู้หนี้ยืมสิน เกิดภาวะเกษตรพันธนาการที่ไม่ยั่งยืน จากปัญหานี้ เกษตรกรบางส่วนเริ่มรวมกลุ่มร่วมกับนักพัฒนาเอกชนและนักวิชาการท้องถิ่น จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และยกเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาเป็นประเด็นหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง โดยมี ชมรมอนุรักษ์พรรณพืชพื้นบ้านจังหวัดน่าน ทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานเครือข่ายเกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยปัจจุบันเครือข่ายมุ่งเสริมศักยภาพเกษตรกรและเสริมองค์ความรู้ด้านเทคนิคเกษตรเพื่อให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้ในแปลงของเกษตรกรได้ ปัจจุบันศูนย์โจ้โก้ ได้ทุนสนับสนุนหลายส่วน อาทิ ค่าบริการศึกษางานจากบุคคลและหน่วยงานภายนอก และเงินบริจาคทั่วไปทั้งแบบบุคคลและหน่วยงาน

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ

รูปภาพ : ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้

ผู้สนับสนุนโครงการ

ชุมชนได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายภาคส่วน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนี้

  1. กลุ่มออมทรัพย์ของชุมชน
  2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  3. ChangeFusion
  4. มูลนิธิกสิกรไทย
  5. เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group)
  6. เครือข่ายฮักเมืองน่าน
  7. สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)
  8. ศูนย์การกระจายสินค้าจังหวัดน่าน
  9. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
  10. สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
  11. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.น่าน)
  12. นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่าง ๆ

แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป/สิ่งที่ต้องการสนับสนุน

1. แผนพัฒนาป่าชุมชน ที่ดิน และองค์กรผู้ใช้น้ำ

  • วางแผนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ป่าโดยส่งเสริมการจดแจ้งสิทธิเป็นป่าชุมชน และจัดทำแผนบริหารจัดการป่าอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
  • เสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้ใช้น้ำในระดับพื้นที่ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างครอบคลุม
  • พัฒนาคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ด้วยการวางระบบจัดเก็บและกระจายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร เพื่อยกระดับเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพของชุมชน ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์ การแปรรูป และการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

2. ด้านการเงิน การออม และสถาบันการเงินชุมชน

  • เสริมสร้างและขยายบทบาทของกลุ่มออมทรัพย์ชุมชนที่มีสมาชิกกว่า 1,200 คน ให้สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันการเงินชุมชนที่มีศักยภาพ
  • สนับสนุนการบริหารจัดการกองทุน การสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และระบบสวัสดิการชุมชนอย่างต่อเนื่อง

3. แผนพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย

  • ส่งเสริมโครงการพัฒนาการเด็กตามวัย เพื่อลดช่องว่างด้านการเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพเยาวชนให้สอดคล้องกับบริบทชุมชน

4. การจัดการข้อมูลเพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

  • ส่งเสริมให้คนในชุมชนสามารถจัดเก็บ วิเคราะห์ และสื่อสารข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วยตนเอง
  • นำเทคโนโลยี เช่น AI และเครื่องมือดิจิทัล มาใช้ในการจัดการข้อมูลและวางแผนพัฒนาชุมชน
  • พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีให้กับคนในชุมชน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องพึ่งพาภายนอก

ภาพประกอบ ภาพประกอบ

รูปภาพ : ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้

Facebook Page

เรียกดู